วันเสาร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2555

ღ ดับไฟกิเลสในใจ ღ



ดับไฟกิเลสในใจ
โดย...หลวงปู่สีทน สีลธโน 




หากเราต้องการความสุข ความสบาย ความเจริญแล้ว
ควรที่พยายามดับ แก้ไขความโลภของตัว ความโกรธของตัว

ความหลงของตัว ราคะตัณหาของตัว ให้มันเบาบางลงไป
หากว่าเราดับไม่ได้จริงจัง ก็ให้มันเบาบางลงไป

ถ้าหากเราปล่อยไว้อย่างนี้ มันจะทำพิษเรา ให้เราเกิดความทุกข์
ถ้าปล่อยไว้นานๆ จะทำให้เราตกนรกก็เป็นได้

อย่างคนที่ตกนรก ได้รับความทุกข์ความยากลำบากตรากตรำต่างๆ นานา

เราอย่าไปโทษของอื่น

“กิเลสของเราเองนี่แหละทำลายจิตใจของตัวเรา”


กิเลสกินใจ ความโลภมันกินใจ ความโกรธความหลงมันกินใจ
ราคะตัณหากินใจของมนุษย์ สัตว์ก็เหมือนกัน
คือหากว่าเราปล่อยให้มันกินมากๆ เข้าแล้ว
มันจะทำลายคุณสมบัติของจิตใจของเรา
ให้เสื่อมจากคุณงามความดี เสื่อมจากบุญจากกุศล

หากว่าใจของเราเสื่อมจากคุณงามความดีแล้ว
มันจะไปเกิดในภพที่ต่ำ เกิดในที่ลำบากตรากตรำ
หากว่าไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์จะเกิดเป็นเดรัจฉาน
ถ้าหากเกิดเป็นผู้ดีมีลาภยศมีสมบัติก็ดี
หากว่าเราไม่ระมัดระวังความโลภความโกรธความหลง มันจะกินจิตใจของตนแล้ว
มันอาจสามารถทำลายตัวของเราให้ไปเกิดในภพที่ต่ำได้ มันรุนแรงขนาดนั้น

กิเลสของเราทำให้เราตกนรกได้

สิ่งที่น่ากลัวมาก คือความโลภ ความโกรธ ความหลง ของเรา
ราคะตัณหาของเรานี่เป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก
อย่างพวกเราเกิดมาเป็นทุกข์
เป็นคนยากจนอับเฉาเบาปัญญาอย่างที่เราเห็นอยู่ทุกวัน
คนจนๆ นะ อันนี้ก็ไม่ใช่อะไร เขาปล่อยให้กิเลสกินใจของเขา
ปล่อยให้ความโลภ ความโกรธ ความหลง กินจิตกินใจของเขา
จนกระทั่งจิตใจของเขาหมดคุณภาพ หมดคุณงามความดี
เลยมีบุญเพียงแค่มาเกิดเป็นมนุษย์กับเขา เกิดมาแล้วก็เร่าร้อน

กิเลสทำลายจิตใจของคนเรา

หากว่าจิตใจของคนเราไม่ดี ใจไม่มีบุญมีกุศลแล้ว
เราไปเกิดที่ใดแห่งไหนก็ดี เราจะได้ความทุกข์ความร้อน
ไม่ได้รับความอยู่เย็นเป็นสุข เนื่องจากว่าจิตใจของเราไม่ดี

หากว่าจิตใจดีแล้ว ก็ไปเกิดในฐานะที่ดีในสกุลที่ดี
ได้อะไรมาทุกอย่างก็เป็นสิ่งที่น่าพึงพอใจ อย่างนั้นก็เพราะใจดี
ที่พระพุทธเจ้าสอนให้พวกเราทำคุณงามความดี
เพื่อประดับจิตใจของเราทุกวันนี้ ก็เพราะอย่างนี้นี่เอง


คัดย่อ : นิตยสารธรรมะออนไลน์ > สารส่องใจ > ดับไฟกิเลสในใจ
ที่มา : http://www.dlitemag.com
เครดิตภาพ : Google



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น