วันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2555

ღ ติดดี ღ


ติดดี

โดย...พระไพศาล วิสาโล



ความคิดความสามารถในทางจิตใจนั้น
มักเป็นหลุมพรางให้เราหลงติดกับดักของกิเลสอีกชนิดหนึ่ง
ที่ละเอียด และแนบเนียนยิ่งกว่า ความโลภ และความโกรธ
นั่นคือความถือตัวหลงตน ความสำคัญตนว่าเป็นคนดี มีคุณธรรม

เมื่อใดที่เราสำคัญตนว่าเราเป็นคนดี คนอื่นก็ดูด้อยกว่าเราไปหมด
(ยกเว้นคนที่ทำตัวได้ดีกว่าเรา) ถ้าไม่เหม็นเบื่อคนอื่น
ก็มักจะมีอาการสงสาร อยากจะสอนอยากชี้แนะอยู่ร่ำไป

ขณะเดียวกันจะโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม ก็มักจะหาโอกาสแสดงตน
ให้ผู้อื่นเห็นความดีความสามารถของเราอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ครั้นผู้คนยอมรับนับถือความดีของเรา เราก็มีภาพพจน์ที่จะต้องรักษา
แต่ขึ้นชื่อว่าภาพพจน์แล้ว ก็ล้วนเป็นภาระที่ต้องแบกต้องหามทั้งนั้น
เราทนไม่ได้หากคนอื่นจะเห็นความอ่อนแอ หรือความเห็นแก่ตัวของเรา

ดังนั้นจึงต้องปกป้องตนเองอยู่เสมอ บ่อยครั้งต้องทุ่มเถียงเป็นวรรคเป็นเวรว่า
ฉันไม่ได้โกรธ ไม่ได้พูดโกหก ไม่ได้เห็นแก่ตัว ฯลฯ
ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องธรรมดามิใช่หรือหากคนเราจะโกรธ จะพลั้งเผลอ
หรือมีความเห็นแก่ตัวอยู่บ้างตราบใดที่ยังเป็นปุถุชนอยู่

เมื่อมีภาพพจน์ว่าเป็นคนดีแล้ว เราก็มีภาระที่จะต้องทำตัวให้เป็นคนน่ารัก
ยิ้มแย้มแจ่มใส ยิ่งเป็นที่นับถือรักใคร่ของคนทั่วไปมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพลิดเพลิน
จนทำตัวให้เกินเลยจากที่ตัวเองเป็นมากเท่านั้น

นานเข้าก็หลงเชื่อว่าตนเป็นอย่างที่คนอื่นนึกว่าเป็นจริง ๆ
เราจึงมิได้เป็น "พระเอก" หรือ "นางเอก" ในสายตาของคนรอบข้างเท่านั้น
หากยังเป็นพระเอกนางเอกในความรู้สึกของตนเองอีกด้วย

แต่พระเอกนางเอกนั้นมีอยู่แต่ในหนัง ในชีวิตจริงทุกคน
ก็มีความเข้มแข็ง ความอ่อนแอ ความดี ความไม่ดี คละเคล้ากันไป

ถ้าหลงตนว่าเป็นพระเอกนางเอกเสียแล้ว เราไม่เพียงแต่จะหลอกตนเองเท่านั้น
หากยังหลอกผู้อื่น ตอนแรกก็ปกป้องตนเองด้วยการปกปิดจุดอ่อนจุดเสีย
แต่ตอนหลังก็ถึงกับบิดพลิ้วความจริง จนกลายเป็นคนฉ้อฉลไปโดยไม่รู้ตัว

คุณธรรมความดีนั้น หากเราไม่เท่าทัน เกิดไปหลงติดเข้า
ก็อาจพาชีวิตหลงทิศหลงทาง จนถึงขั้นทำสิ่งเลวร้ายยิ่งกว่าการพูดปด
เพื่อรักษาภาพพจน์เสียอีก คนที่คิดว่าตนเป็นคนเมตตา รังเกียจการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต

ถ้าไม่ระวังตัว ก็อาจเป็นฆาตกรเสียเองเพราะจงเกลียดจงชังคนที่ไม่มีเมตตาเหมือนตน
สิ่งสำคัญอยู่ตรงที่ว่า เราพึงทำความดี ยิ่งกว่าที่จะทำตนเป็นคนดี
ความดีนั้นมีไว้สำหรับกระทำ มิใช่มีไว้เพื่อใช้เปรียบเทียบตนกับผู้อื่น
หรือเพื่อแบกหามล่ามโซ่ตนเอง

ความดีนั้นเอื้อให้เกิดสุข และความสุขก็ช่วยให้เรามั่นใจในการทำความดียิ่ง ๆ ขึ้นไป
แต่เมื่อใดที่ยึดติดกับความดี เพราะหลงใหลในเกียรติยศชื่อเสียง
และความนับหน้าถือตาของผู้อื่นแล้ว
ความดีนั้นเองจะทิ่มแทงขบกัด และอาจถึงขั้นทำลายเราในที่สุด

คนเป็นอันมากทุกข์ใจ เพราะดีได้ไม่ถึงขนาด
พ่อแม่กินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะลูกดีไม่ได้ดังใจ
ทั่วทุกหนแห่งมีแต่คนท้อแท้ผิดหวัง เพราะไม่มีใครเห็นความดีของตน
ไม่ใช่ความน้อยเนื้อต่ำใจในความดีที่ถูกเมินเฉยดอกหรือ
ที่ผลักไสให้คนแล้วคนเล่าฆ่าตัวตาย

อันตรายของความดีนั้น อยู่ตรงที่ทำให้เราหลงตนลำพองใจได้ง่าย

ดังนั้นการมีสติเท่าทันในการทำความดีจึงเป็นสิ่งจำเป็น

แม้จะแน่ใจว่าทำดีด้วยใจบริสุทธิ์ แต่ก็ยังต้องระวังผลจากการทำความดีนั้นด้วย
ไม่ว่าจะเป็นผลโดยตรงหรือผลพลอยได้ โดยเฉพาะความสำเร็จ
ภาพพจน์ชื่อเสียง และการยอมรับนับถือจากคนรอบข้าง
หากเพลิดเพลินยินดีในสิ่งนั้นเมื่อไร เราก็ไม่ต่างจากปลาที่หลงฮุบเหยื่อ

บ่อยครั้งไม่มีอะไรดีกว่าการกำราบ หรือทรมานอัตตาตนเอง ยิ่งติดในภาพพจน์ตนเองมากเท่าไรก็ยิ่งสมควรทำอะไรเชย ๆ เปิ่น ๆ เสียบ้าง จะได้ดัดนิสัยชอบวางมาดวางฟอร์มให้เข็ดหลาบ
การทำตนเป็นคนขลาดกลัวช้างป่าให้ใครต่อใครเห็น
บางทีก็ฝึกฝนจิตใจได้ดีกว่าการทำตัวเป็นคนสงบไม่หวั่นไหวต่อแผ่นดินไหว

ถ้าหลงใหลในตนเองมากไปแล้ว ก็หัดหัวเราะเยาะตัวเองบ้าง
เวลาพลั้งเผลอปล่อยไก่ต่อหน้าธารกำนัล จะได้ไม่ถือว่าเป็นเรื่องเสียหน้าเสียศักดิ์ศรี
แต่กลับถือเป็นเรื่องน่าหัวไปเสีย

ถ้าทำเช่นนี้ได้ ชีวิตจะไม่เครียด เพราะมีมุขมีเกร็ดให้แอบหัวเราะคนเดียวได้เรื่อยไป
และเมื่อถึงเวลาเป็นงานเป็นการ ใจเราจะเปิดกว้างมากขึ้นต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์
คนเราถ้าไม่คิดเป็นพระเอกนางเอกอยู่ร่ำไป ก็พร้อมจะยอมรับข้อผิดพลาด
และมองหาจุดอ่อนของตน แทนที่จะเอาแต่โทษคนอื่น
หรือคอยจับผิดเพื่อนร่วมงานอยู่ท่าเดียว

ในนิยายกำลังภายในหลายเรื่อง พรรคเทพมักเป็นตัวร้าย
ขณะที่พรรคมารกลับกลายเป็นผู้ทรงคุณธรรม

ในชีวิตจริง ก็มักเป็นเช่นนั้น ทั้งนี้เพราะความเป็นเทพชวนให้เกิดความลำพอง
และฉ้อแลได้ง่ายด้วย ถือว่าถ้าเจตนาดีแล้ว จะใช้วิธีเลวร้ายอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น


ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครยอมเชื่อดอกว่าเราจะทำตัวเลวร้ายอย่างนั้นได้

ถ้าเลิกความเป็นเทพเสียได้ แต่ไม่ต้องถึงกับไปเป็นมารดอก
เพียงแต่คืนสู่ความเป็นคนธรรมดาสามัญ รู้เท่าทันตนเองเท่านั้น
ชีวิตก็จะน่าอภิรมย์ และเป็นสุขอย่างยิ่ง

ที่มา : http://board.palungjit.com
เครดิตภาพ : Google

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น