สังสารวัฏปกปิดเงื่อนงำ เวลาผ่านไปเราก็ลืมเริ่มต้นก็ถูกเข้าใจผิดความรักตนเอง หลงว่ามีตนเองถูกกิเลสครอบงำ ทำกรรมทำร้ายคนอื่นด้วยความไม่รู้ว่ากิเลสกำลังเผาใจ เผาคนอื่นและเป็นเชื้อให้เผาตนเองอีกในอนาคตพอต้องรับผลกรรม โดนกระทำ ก็ลืมไปว่าตนเป็นผู้ทำมาอาฆาตแค้น ไม่ยอมอภัยคนที่มาทำกับเราวงจรเป็นเช่นนี้ ทุกคนถูกปกปิดด้วยความไม่รู้อย่างเดียวกัน
"แท้ที่จริงโลกของเรามันคือโลกของกรรมที่เราทำที่ต้องรับเพราะสร้างเองแต่ผู้เดียวคนอื่นก็เป็นหุ่นชักใยโดนหลอกแบบเดียวกันเขาก็ต้องไปรับกรรมที่เขาสร้างของเขา" "ไม่มีใครทำร้ายใครหรอก มีแต่กรรมที่เราทำทั้งที่กระทำไป ทั้งที่พูดไป ทั้งที่คิดต่อ ที่ทำร้ายตัวเรา"
เมื่อเราเข้าใจกรรม เราก็เลือกทำกรรมใหม่ที่ดีได้ที่ทำไม่ดีไปแล้ว มันทุกข์ ใครจะหลีกเลี่ยงได้มีสติก็ไม่ถือ ขาดสติก็รับมา แค่นั้นเองตราบใดที่เกิดก็ยังต้องทุกข์ไม่มีทางสิ้นสุดหรอก เรื่องธรรมดา
"โลกหมุนอยู่ด้วยสมมติ ด้วยความคิดของเราที่ไม่อาจจับต้องได้"แต่สิ่งที่ไม่อาจจับต้องได้นี้คละเคล้าอยู่กับกิเลสปั่นหัวเราให้หมุนให้ทุกข์ตลอดน่าจะถึงเวลาที่เราจะพยายามแสวงหา ทางรู้ ทางตื่น ออกจากโลกเสียทีหยุดสร้างโลก ให้มีให้เป็นเพิ่ม แต่หันมาสร้างธรรมให้เกิดมีในใจมากขึ้นๆ
ฉันเองสนใจอยากรู้สาระของการเกิดตั้งแต่เด็กมาเรียนรู้เข้มข้นขึ้นเพราะทุกข์มามุ่งมั่นเพิ่มขึ้นเพราะอยากไปกับใครคนหนึ่งแต่เพิ่งมารู้สึกเห็นอะไรชัดเจนขึ้นก็เมื่อตอนย้อนมาดูตนเองมากๆ เพราะทุกข์ในรัก
"แท้จริงความรักมันก็เป็นมายาผลแห่งกรรมที่เราทำอีกอย่างหนึ่ง"ยิ่งจิตใจเราซึมซับธรรมะไว้ในใจมากขึ้นเท่าไหร่เราจะยิ่งเข้าใจความรักที่แท้จริงได้มากขึ้น
ฉันเคยฝันที่จะมีรักแท้กับเขาเหมือนกันฝันว่าจะมีคนที่เรารักเขามากๆ เขารักเรามากๆ อยู่ด้วยกันตลอดไปจนมาศึกษาธรรมะมากขึ้นก็ได้เข้าใจมากขึ้นว่ามันไม่มีอยู่จริง"เพราะอะไรที่แท้มันคือความไม่แปรเปลี่ยนแต่รักของคนบนโลกมันยังมีขึ้นมีลงตามอารมณ์นั่นไม่ใช่ความรัก แต่นั่นคือการทำตามกรรม ตามกิเลสต่างหาก"
"ความรักที่แท้ต้องเริ่มสร้างจากตัวเราตราบเท่าที่ใจเรายังไม่เต็มไม่สมบูรณ์เราก็ไม่สามารถพบความรักที่ไม่พาให้ทุกข์ได้"
ถ้ายิ่งเข้าใจธรรมะ เราจะยิ่งรู้จักรักเป็นโดยลำดับเมื่อเรารู้จักรักด้วยธรรมแล้ว เราจะไม่สนใจต้องคอยความรักจากอีกฝ่าย หรือจากใครเลยด้วยซ้ำ
"เพราะรักในธรรม มันไม่มีตัวตนไม่เจือด้วยกิเลสความอยาก ความติดใจยึดถือความเคียดแค้นเมื่อไม่ได้ดังหวัง"
ถ้าเราเข้าใจกรรม เข้าใจจิตใจตนเองเราจะเข้าใจว่า ที่จริงแล้วเขาจะรักเรามากเราน้อย มันควรจะขึ้นอยู่กับว่าเขารักเรามากเราน้อยแต่ในแง่ความเป็นจริงเราจะรับได้มากหรือน้อยมันขึ้นอยู่กับตัวเรา กรรมเรา ใจเราที่เปิดรับ ใจเราที่คิดไป
เราไม่มีทางรู้ได้จริงๆหรอกว่าใครรักเรามากน้อย จริงไม่จริงรับรู้ได้เพียงส่วนหนึ่ง แต่ไม่มีทางรู้ได้ทั้งหมดที่เป็นแบบนี้ก็เพราะมันขึ้นอยู่กับกรรมของเรา ของใครของมันที่เลือกสร้างเหตุไว้ และรับได้แค่ไหนเพราะกรรมมันส่งที่ความรู้สึก
ความสุขของเราจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนอื่นไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเขาไม่รักเขารักมาก เขารักน้อยเขาให้หรือไม่ให้อะไรอย่างที่ใจเราต้องการแต่มันขึ้นอยู่กับกรรมของเราที่สมควรจะได้อะไรมีความสุข มีความทุกข์แค่ไหนและมันขึ้นอยู่กับความพอใจของเราที่เราเลือกจะคิดจะเป็น
คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ตรงจุดนี้คิดว่าเรามีความสุขจากการได้ จากคนอื่น จากสิ่งอื่นเราก็เลยเป็นคนช่างขอ ช่างคาดหวังพอไม่ได้ดังใจก็ทุกข์ ก็มีปัญหา ก็ทะเลาะ ก็เลิก ก็เปลี่ยนคนสร้างความสุขให้ตนเองไม่เป็น แล้วยังสร้างปัญหาให้กับคนอื่นและมันก็ย้อนกลับมาที่ตัวไปเรื่อยๆ ไม่ได้ออกจากวงจรซะที
ถ้ารู้อย่างนี้แล้ว หันมาสร้างธรรมในใจตนเองให้สมบูรณ์ดีกว่าอย่าหวังให้ใครเปลี่ยนหรือสร้างอะไรเลย"สุดท้ายจะมีความสุขก็เพราะเราทำกรรมเลือก"
และถ้าไม่อยากเหนื่อยต้องทุกข์แล้วสุข สุขแล้วทุกข์ไปเรื่อยๆก็เพียรหาทางออกจากวงจรนี้เสียเถอะโอกาสที่เราจะเกิดมาในชาติที่ยังมีพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์นั้นมีไม่มากถ้าพลาดโอกาส ก็จะต้องมาหลงโลก หลงทุกข์ไปเรื่อยๆ
พระอริยะสาวกหลายรูปสละความรักความหลงในโลกเพื่อแลกธรรม พ้นโลกพระพุทธองค์เองครั้งเมื่อชาติสุดท้ายก็ยอมสละความสุขจากทรัพย์สมบัติอันบริบูรณ์หาใครเทียบแม้แต่พระมเหสีและบุตรอันเป็นที่รักก็ทรงสละ เพื่อมาค้นพบสัจธรรมและนำมาเผยแพร่แก่ชาวโลกเมื่อเรามีทุกข์ในรักที่ไม่สมบูรณ์ เราจะสละออกจากใจเพื่อมาค้นหาธรรมไม่คุ้มหรือ :)
ที่มา : http://www.dharmamag.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น