วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554

_♠_ เชื่ออย่างไรถึงจะเกิดปัญญา_♠_



เชื่ออย่างไรถึงจะได้ปัญญา
โดย...หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

บางคนก็ว่านึกถึงความตายบ่อยๆเข้า กลัวอายุมันจะสั้น มันจะตายเร็ว
ผู้ที่ยุยงส่งเสริมอย่างนั้นก็มี คนหูเบา คนปัญญาอ่อน
ก็ไปเชื่อเอาเลย ไม่อยากนึกถึงความตาย กลัวจะอายุสั้น
แท้ที่จริงหาเป็นอย่างนั้นไม่
ถ้าเป็นเช่นนั้น พระศาสดาไม่ได้ทรงสอนให้เราไปนึกถึงความตายหรอก
ความจริงน่ะ เพราะว่าชีวิตนี้ อัตภาพร่างกายอันนี้มันมีบุญและบาปเป็นเครื่องรักษาอยู่
บุญบาปที่บุคคลทำมาแต่ชาติก่อนหนหลัง มันตามมารักษาไว้อยู่
ถ้าบุญกรรมนั้นยังไม่หมด ตราบใดแล้ว
ต่อเมื่อผู้นั้นจะนึกถึงความตาย วันละร้อยวันละพันครั้ง มันก็ไม่ตาย
อายุมันก็ไม่สั้นหรอก ด้วยเหตุผลกลใดเล่า
เพราะว่ามันมีหลักฐานอยู่ มันมีหลักฐานยืนยันอยู่แล้ว
เพราะฉะนั้นคนเราต้องศึกษาให้เข้าใจ ให้เห็นตามเป็นจริง
อย่าไปเชื่อปรัมปรา คนที่เห็นผิดมีอยู่มากในโลกนี้
ตนเห็นผิดแล้วยังไปหลอกลวงคนอื่นให้ตามไปด้วย อย่างนี้มีอยู่ถมไป
บางคนตนเห็นผิดก็ไม่รู้หรอกว่าตนเห็นผิด ยังเข้าใจว่าตนเห็นถูกอยู่อย่างนั้นแหละ
เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าได้ทรงสอนไว้ บุคคลไม่ควรเชื่อในอาการ ๑๑ อย่าง
ที่ท่านแสดงไว้ในกาลามสูตร
ข้อหนึ่งนั้นว่า ไม่ควรเชื่อโดยสำคัญว่า ผู้นี้เคยเป็นครูเป็นอาจารย์ของตนมา
พระศาสดาทรงสอนถึงขั้นนั้น ถึงแม้ผู้นั้นเป็นครูอาจารย์เคยสอนตนมาอยู่บ่อยๆก็ช่างนะ
ถ้าหากว่าตนยังวินิจฉัยคำสอนที่ท่านแนะนำนั้น
ยังไม่เห็นแจ่มแจ้งขึ้นมา ก็ไม่ควรที่จะไปเชื่อไปเลยทีเดียว
พระองค์เจ้าหมายเอาอย่างนั้น
ต้องค้นคว้า ต้องพิจารณาคำสอนที่ท่านแนะนำมานั้น มันเป็นความจริงหรือไม่
ถ้าตนคิดไม่ออกก็นำไปถามท่านผู้รู้ทั้งหลายดู
ถ้าท่านผู้รู้ท่านรู้จริง ท่านจะได้แสดง ท่านจะได้ชี้แจงให้ฟังพร้อมด้วยเหตุด้วยผล
จนเจ้าของปัญหาหายสงสัย นั่นแหละจึงค่อยเชื่อหายสงสัยว่า ครูอาจารย์ที่ท่านแนะนำสั่งสอนมานี้ท่านสอนถูกทางจริงๆ
เป็นทางพ้นทุกข์จริงไม่ผิด เพราะว่าตนก็พิจารณาเห็นแจ้งด้วยตนเองขึ้นมาแล้ว


ไม่ว่าเรื่องใดๆ เมื่อเราได้ยินได้ฟังมา
ก็ควรที่จะน้อมเข้าไปวินิจฉัยให้มันเห็นแจ้งประจักษ์ด้วยตนเองทุกอย่าง
ถ้าไม่สามารถเห็นแจ้งด้วยตนเองก็ไปเรียนถามท่านผู้รู้ทั้งหลาย
อย่างว่านั้นแหละ ให้ท่านชี้แจงแนะนำให้เข้าใจ
อันนี้ได้ชื่อว่าเป็น บ่อเกิดแห่งปัญญาอย่างหนึ่ง
ไม่มีเขาไม่มีเราอยู่ในขันธ์ห้านี้เลย
เมื่อมันเห็นว่างจากสัตว์จากบุคคล ตัวตน เรา เขา ไปอย่างนี้
การที่มันจะไปสร้างกรรมดีกรรมชั่ว พาตัวให้ไปเกิดอีกนั้นไม่เอาแล้ว
ทำความดีก็ทำเพื่อขจัดกิเลสตัณหาออกจากจิตใจเท่านั้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น