เชื่ออย่างไรถึงจะได้ปัญญา
โดย...หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
บางคนก็ว่านึกถึงความตายบ่อยๆเข้า กลัวอายุมันจะสั้น มันจะตายเร็ว
ผู้ที่ยุยงส่งเสริมอย่างนั้นก็มี คนหูเบา คนปัญญาอ่อน
ก็ไปเชื่อเอาเลย ไม่อยากนึกถึงความตาย กลัวจะอายุสั้น
แท้ที่จริงหาเป็นอย่างนั้นไม่
ถ้าเป็นเช่นนั้น พระศาสดาไม่ได้ทรงสอนให้เราไปนึกถึงความตายหรอก
ความจริงน่ะ เพราะว่าชีวิตนี้ อัตภาพร่างกายอันนี้มันมีบุญและบาปเป็นเครื่องรักษาอยู่
บุญบาปที่บุคคลทำมาแต่ชาติก่อนหนหลัง มันตามมารักษาไว้อยู่
ถ้าบุญกรรมนั้นยังไม่หมด ตราบใดแล้ว
ต่อเมื่อผู้นั้นจะนึกถึงความตาย วันละร้อยวันละพันครั้ง มันก็ไม่ตาย
อายุมันก็ไม่สั้นหรอก ด้วยเหตุผลกลใดเล่า
เพราะว่ามันมีหลักฐานอยู่ มันมีหลักฐานยืนยันอยู่แล้ว
เพราะฉะนั้นคนเราต้องศึกษาให้เข้าใจ ให้เห็นตามเป็นจริง
อย่าไปเชื่อปรัมปรา คนที่เห็นผิดมีอยู่มากในโลกนี้
ตนเห็นผิดแล้วยังไปหลอกลวงคนอื่นให้ตามไปด้วย อย่างนี้มีอยู่ถมไป
บางคนตนเห็นผิดก็ไม่รู้หรอกว่าตนเห็นผิด ยังเข้าใจว่าตนเห็นถูกอยู่อย่างนั้นแหละ
เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าได้ทรงสอนไว้ บุคคลไม่ควรเชื่อในอาการ ๑๑ อย่าง
ที่ท่านแสดงไว้ในกาลามสูตร
ข้อหนึ่งนั้นว่า ไม่ควรเชื่อโดยสำคัญว่า ผู้นี้เคยเป็นครูเป็นอาจารย์ของตนมา
พระศาสดาทรงสอนถึงขั้นนั้น ถึงแม้ผู้นั้นเป็นครูอาจารย์เคยสอนตนมาอยู่บ่อยๆก็ช่างนะ
ถ้าหากว่าตนยังวินิจฉัยคำสอนที่ท่านแนะนำนั้น
ยังไม่เห็นแจ่มแจ้งขึ้นมา ก็ไม่ควรที่จะไปเชื่อไปเลยทีเดียว
พระองค์เจ้าหมายเอาอย่างนั้น
ต้องค้นคว้า ต้องพิจารณาคำสอนที่ท่านแนะนำมานั้น มันเป็นความจริงหรือไม่
ถ้าตนคิดไม่ออกก็นำไปถามท่านผู้รู้ทั้งหลายดู
ถ้าท่านผู้รู้ท่านรู้จริง ท่านจะได้แสดง ท่านจะได้ชี้แจงให้ฟังพร้อมด้วยเหตุด้วยผล
จนเจ้าของปัญหาหายสงสัย นั่นแหละจึงค่อยเชื่อหายสงสัยว่า ครูอาจารย์ที่ท่านแนะนำสั่งสอนมานี้ท่านสอนถูกทางจริงๆ
เป็นทางพ้นทุกข์จริงไม่ผิด เพราะว่าตนก็พิจารณาเห็นแจ้งด้วยตนเองขึ้นมาแล้ว
ไม่ว่าเรื่องใดๆ เมื่อเราได้ยินได้ฟังมา
ก็ควรที่จะน้อมเข้าไปวินิจฉัยให้มันเห็นแจ้งประจักษ์ด้วยตนเองทุกอย่าง
ถ้าไม่สามารถเห็นแจ้งด้วยตนเองก็ไปเรียนถามท่านผู้รู้ทั้งหลาย
อย่างว่านั้นแหละ ให้ท่านชี้แจงแนะนำให้เข้าใจ
อันนี้ได้ชื่อว่าเป็น บ่อเกิดแห่งปัญญาอย่างหนึ่ง
ไม่มีเขาไม่มีเราอยู่ในขันธ์ห้านี้เลย
เมื่อมันเห็นว่างจากสัตว์จากบุคคล ตัวตน เรา เขา ไปอย่างนี้
การที่มันจะไปสร้างกรรมดีกรรมชั่ว พาตัวให้ไปเกิดอีกนั้นไม่เอาแล้ว
ทำความดีก็ทำเพื่อขจัดกิเลสตัณหาออกจากจิตใจเท่านั้น
โดย...หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
บางคนก็ว่านึกถึงความตายบ่อยๆเข้า กลัวอายุมันจะสั้น มันจะตายเร็ว
ผู้ที่ยุยงส่งเสริมอย่างนั้นก็มี คนหูเบา คนปัญญาอ่อน
ก็ไปเชื่อเอาเลย ไม่อยากนึกถึงความตาย กลัวจะอายุสั้น
แท้ที่จริงหาเป็นอย่างนั้นไม่
ถ้าเป็นเช่นนั้น พระศาสดาไม่ได้ทรงสอนให้เราไปนึกถึงความตายหรอก
ความจริงน่ะ เพราะว่าชีวิตนี้ อัตภาพร่างกายอันนี้มันมีบุญและบาปเป็นเครื่องรักษาอยู่
บุญบาปที่บุคคลทำมาแต่ชาติก่อนหนหลัง มันตามมารักษาไว้อยู่
ถ้าบุญกรรมนั้นยังไม่หมด ตราบใดแล้ว
ต่อเมื่อผู้นั้นจะนึกถึงความตาย วันละร้อยวันละพันครั้ง มันก็ไม่ตาย
อายุมันก็ไม่สั้นหรอก ด้วยเหตุผลกลใดเล่า
เพราะว่ามันมีหลักฐานอยู่ มันมีหลักฐานยืนยันอยู่แล้ว
เพราะฉะนั้นคนเราต้องศึกษาให้เข้าใจ ให้เห็นตามเป็นจริง
อย่าไปเชื่อปรัมปรา คนที่เห็นผิดมีอยู่มากในโลกนี้
ตนเห็นผิดแล้วยังไปหลอกลวงคนอื่นให้ตามไปด้วย อย่างนี้มีอยู่ถมไป
บางคนตนเห็นผิดก็ไม่รู้หรอกว่าตนเห็นผิด ยังเข้าใจว่าตนเห็นถูกอยู่อย่างนั้นแหละ
เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าได้ทรงสอนไว้ บุคคลไม่ควรเชื่อในอาการ ๑๑ อย่าง
ที่ท่านแสดงไว้ในกาลามสูตร
ข้อหนึ่งนั้นว่า ไม่ควรเชื่อโดยสำคัญว่า ผู้นี้เคยเป็นครูเป็นอาจารย์ของตนมา
พระศาสดาทรงสอนถึงขั้นนั้น ถึงแม้ผู้นั้นเป็นครูอาจารย์เคยสอนตนมาอยู่บ่อยๆก็ช่างนะ
ถ้าหากว่าตนยังวินิจฉัยคำสอนที่ท่านแนะนำนั้น
ยังไม่เห็นแจ่มแจ้งขึ้นมา ก็ไม่ควรที่จะไปเชื่อไปเลยทีเดียว
พระองค์เจ้าหมายเอาอย่างนั้น
ต้องค้นคว้า ต้องพิจารณาคำสอนที่ท่านแนะนำมานั้น มันเป็นความจริงหรือไม่
ถ้าตนคิดไม่ออกก็นำไปถามท่านผู้รู้ทั้งหลายดู
ถ้าท่านผู้รู้ท่านรู้จริง ท่านจะได้แสดง ท่านจะได้ชี้แจงให้ฟังพร้อมด้วยเหตุด้วยผล
จนเจ้าของปัญหาหายสงสัย นั่นแหละจึงค่อยเชื่อหายสงสัยว่า ครูอาจารย์ที่ท่านแนะนำสั่งสอนมานี้ท่านสอนถูกทางจริงๆ
เป็นทางพ้นทุกข์จริงไม่ผิด เพราะว่าตนก็พิจารณาเห็นแจ้งด้วยตนเองขึ้นมาแล้ว
ไม่ว่าเรื่องใดๆ เมื่อเราได้ยินได้ฟังมา
ก็ควรที่จะน้อมเข้าไปวินิจฉัยให้มันเห็นแจ้งประจักษ์ด้วยตนเองทุกอย่าง
ถ้าไม่สามารถเห็นแจ้งด้วยตนเองก็ไปเรียนถามท่านผู้รู้ทั้งหลาย
อย่างว่านั้นแหละ ให้ท่านชี้แจงแนะนำให้เข้าใจ
อันนี้ได้ชื่อว่าเป็น บ่อเกิดแห่งปัญญาอย่างหนึ่ง
ไม่มีเขาไม่มีเราอยู่ในขันธ์ห้านี้เลย
เมื่อมันเห็นว่างจากสัตว์จากบุคคล ตัวตน เรา เขา ไปอย่างนี้
การที่มันจะไปสร้างกรรมดีกรรมชั่ว พาตัวให้ไปเกิดอีกนั้นไม่เอาแล้ว
ทำความดีก็ทำเพื่อขจัดกิเลสตัณหาออกจากจิตใจเท่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น