๑. ธรรมะ... คือระบบการปฏิบัติที่ถูกต้องแก่ความเป็นมนุษย์ของตน ทุกขั้นตอนแห่งวิวัฒนาการ ตั้งแต่เกิดจนตาย ทั้งเพื่อประโยชน์ตนและผู้อื่น เรียกสั้นๆว่า ... หน้าที่... นั้นแหละคือ... พระเป็นเจ้า... ผู้ช่วยให้รอดอย่างแท้จริง
๒. ธรรมะมีไว้ช่วยให้อยู่ในโลก อย่าง...ชนะโลก... หรือ ...เหนือโลก... มิใช่ให้...หนีโลก... แต่อยู่เหนืออิทธิพลใดๆ ของโลก ไม่ใช่จมอยู่ในโลก มักสอนให้เข้าใจผิดๆ ว่า ต้องหนีโลก ทิ้งโลก สละโลก อย่างไม่มีประโยชน์อะไรแก่ใครเลย
๓. ในร่างกายและจิตใจ มีสิ่งที่อาจเรียกว่า... พระไตรปิฎก ที่แท้จริงให้ศึกษาชนิดที่ไม่อาจเติมเข้าหรือชักออก แม้แต่อักขะเดียว ขอให้พยายามอ่านพระไตรปิฎกเรื่องทุกข์ เรื่องเหตุให้เกิดทุกข์ เรื่องความดับทุกข์จากพระไตรปิฎกเล่มนี้ กันทุกคนเถิด
๔. การศึกษาที่เปรียบด้วย..."สุนัขหางด้วน" ของทั้งโลก นั้นคือ ... ให้เรียนกันแต่หนังสือกับวิชาชีพ ไม่เรียนธรรมะหรือศาสนา ที่สอนให้รู้ว่า ... ให้เป็นมนุษย์กันให้ถูกต้องได้อย่างไรกันเสียเลย ขอให้รีบลืมตา และแก้ไขปัญหากันเสียก่อน...ก่อนที่โลกจะเกิดมัคสัญญี
๕. ชาวพุทธแท้...ไม่กินสิ่งที่หมายมั่นว่าเป็นเนื้อหรือผัก แต่กินอาหารที่บริสุทธิ์ ถูกต้อง สมควรแก่การกินโดยความเป็นธาตุตามธรรมชาติ และ... กินเท่าที่จำเป็นจะกิน เหมือนน้ำมันหยอดเพลารถหรือการกินเนื้อบุตรของตนเองที่ตายลง เมือ่หลงทางกลางทะเลทราย เพื่อประทังชีวิตให้รอดได้เท่านั้น
๖. พระพุทธองค์ตรัสว่า... "แต่ก่อนก็ดี บัดนี้ก็ดี เราบัญญัติเรื่องความทุกข์ กับความดับไม่เหลือแห่งทุกข์เท่านั้น" ดังนั้น พวกเราอย่าต้องเสียเวลาในการศึกษา การถาม การเถียงกันด้วยเรื่องอื่นที่มิใช่สองเรื่องนี้กันอีกเลย
๗. สิ่งที่ต้องรู้จักเป็นพิเศษ คือ "สาม ก." และ "สาม ส.""สาม ก." คือ กิน...กาม...เกียรติ ... ย่อมกัดเอาผู้เข้าไปเก่ยวข้องอย่างโง่เชลาแล้วก่อให้เกิดกิเลสจำกัดโทษของสาม ก. แล้วมีสาม ส. คือ สะอาด...สว่าง...สงบ
ที่มา : หนังสือธรรมโอวาท พระธรรมคติของหลวงพ่อพุทธทาสภิกขุ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น