วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

♠ เห็นทุกข์จะไม่ทุกข์ ♠


เห็นสิ่งใด จะไม่เป็นสิ่งนั้น เหมือนคุณเห็นไฟ คุณจะไม่มีวันเป็นไฟ เพราะรู้ว่ามีตัวคุณเป็นผู้มองไฟอยู่ คุณเป็นต่างหากจากไฟ ไฟเป็นเพียงสิ่งถูกมอง
แล้วคุณเป็นอะไร? คุณเป็นจิตดวงหนึ่ง ที่เล็งแลไฟด้วยแก้วตา ชั่วขณะที่มีสติเต็มตื่น รู้ตัวว่ากำลังนั่งหรือยืนท่าไหน คุณจะไม่มีทางหลงเข้าใจไปว่าไฟเป็นอันเดียวกับคุณเลย
เช่นกัน… หากคุณเห็นความทุกข์ คุณจะไม่มีทางรู้สึกว่าตัวเองเป็นทุกข์
ชั่วขณะแห่งการมีสติเต็มตื่น รู้ตัวว่ากำลังหายใจเข้าหรือหายใจออก คุณจะไม่มีอุปสรรคขวางความเห็น ทุกข์จะปรากฏเป็นสภาพต่างหากจากตัวคุณ
แต่เพราะพวกเราเคยชินที่จะขาดสติ เมื่อไม่มีสติยอมรับความจริงตรงหน้า ก็ย่อมอยากจะมองเห็น อยากยอมรับแต่ความสุข และเมื่ออยากเห็นในสิ่งที่ไม่มีอยู่เดี๋ยวนั้น ใจย่อมกระวนกระวาย ที่เป็นทุกข์อยู่แล้วก็ทุกข์เกินจริงยิ่งขึ้น
เป็นทุกข์เพราะไม่เห็นทุกข์ ไม่เห็นทุกข์จะเป็นทุกข์อยู่ร่ำไป…
ต่อเมื่อคุณเกิดสติ เกิดความเข้าใจที่จะตั้งมุมมองดีๆ ไม่ปล่อยให้ตัวเองทอดอาลัยตายอยาก ไม่ยอมไหลร่วงลงสู่ทรายดูดแห่งทุกข์ หัดถามตัวเองง่ายๆว่าความร้อนรนกระวนกระวายเที่ยงหรือไม่เที่ยง? ความโศกเศร้าอาลัยเสียดายสุดซึ้งเที่ยงหรือไม่เที่ยง? ความเสียดแทงปวดแสบปวดร้อนเที่ยงหรือไม่เที่ยง

กล่าวโดยสรุปคือหาคำตอบเอาจากความจริงตรงหน้า ว่าทุกข์ทางใจทั้งปวงเที่ยงหรือไม่เที่ยง เดี๋ยวร้อนมาก เดี๋ยวเย็นลง เดี๋ยวบาดลึก เดี๋ยวเหลือแปลบเสียวนิดเดียว เดี๋ยวระส่ำหนัก เดี๋ยวลดระดับลงสู่ความกระเพื่อมเพียงน้อย
สภาวะทั้งหลายไม่โกหกคุณ ขอเพียงคุณไม่หลอกตัวเอง แล้วติดตามดูพวกมันด้วยใจซื่อเท่านั้น เกิดก็ยอมรับว่าเกิด ยังตั้งอยู่ก็ยอมรับว่าตั้งอยู่ แปรไปก็ยอมรับว่าแปรไป ง่ายๆซื่อๆเท่านี้เอง การสังเกตความจริงอันเป็นปรากฏการณ์ทางจิตของตัวเองเรื่อยๆ จะทำให้คุณตาสว่างขึ้นมาแวบหนึ่ง และได้ข้อสรุปใหม่ที่อาจเปลี่ยนชีวิตคุณแบบหักศอกหรือกลับหลังหัน นั่นคือ…

เห็นทุกข์ ไม่จำเป็นต้องเป็นทุกข์!

พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่ากายนี้เองเป็นทุกข์ ใจนี้เองเป็นทุกข์ เพราะรู้สึกนึกคิดอยู่ เพราะจำได้หมายรู้อยู่ และเพราะเจตนาทำดีทำชั่วอยู่ จึงชื่อว่ามีเหตุแห่งรูปนาม และสืบสายต่อเนื่องไปเรื่อยไม่รู้จักสิ้นสุด
ต่อเมื่อตั้งสติ ‘เห็น’ กายใจนี้ ยกจิตขึ้นสู่ระดับความเป็นปกติที่จะไม่สำคัญว่ากายใจนี้เป็นตัวตน นั่นเองจึงเป็นยอดแห่งการเห็น เพราะเห็นแล้วหลุดพ้นจากวังวนทุกข์ พ้นแล้วพ้นเลย ไม่ต้องเป็นทุกข์อีกเลย

เมื่อเห็นกายใจได้
เหมือนเห็นก้อนหินและสายน้ำอยู่ห่างๆ
คุณจะรู้สึกเบาและแห้งสบาย
เหมือนที่ไม่แบกก้อนหินและสายน้ำไว้กับตัว

ที่มา : คิดจากความว่างเล่ม 3 ดังตฤณ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น