“นิวรณ์” แท้จริงมันก็มีอยู่กับตัวเราเสมอ ถึงจะเรียนก็มี ไม่เรียนก็มี นิวรณ์นี้มันมีอำนาจ อิทธิพลมาก เพราะเป็นเครื่องกลบเกลื่อนดวงจิตของเราไม่ให้ก้าวขึ้นสู่ความดีได้ เส้นทางของนิวรณ์ที่จะไหลมาสู่เรา ก็คือ
“สัญญาอดีต” อันได้แก่เรื่องราวต่างๆ ทั้งดีทั้งชั่ว ทั้งของเราของเขาซึ่งเป็นอดีตทั้งหมดเส้นหนึ่ง อีกเส้นหนึ่งคือ “สัญญาอนาคต” นับแต่เรื่องที่คิดไปตั้งแต่วันพรุ่งนี้จนถึงวันตาย ซึ่งเราอาจเดาอาจคิดไปด้วยความผิดพลาดทั้งหมดทั้ง ๒ ทาง นี้เป็นเส้นทางที่ไหลมาจากนิวรณ์ทั้งสิ้น
ฉะนั้น เรื่องอดีต อนาคต ก็ต้องวางไว้ก่อน ยกจิตของเราขึ้นสู่องค์ภาวนา คือ นึกถึงลมหายใจของลมอันเป็นส่วนปัจจุบันของรูป ปัจจุบันของนาม ได้แก่ “ตัวรู้” เมื่อเราทำได้เช่นนี้ จิตของเราก็จะเหมือนกับลูกโป่งที่ลอยอยู่ในอากาศ เพียงตัดเชือกเส้นเดียวเท่านั้นเราก็จะหลุดได้ คือ เมื่อตัดสัญญาขาด จิตของเราก็จะเข้าไปสู่องค์ภาวนาได้ทันที
ใจก็ไม่มีอาการอึดอัด มีแต่ความโปร่งสบาย ใจก็สูงเหมือนลูกโป่งที่ถูกตัดเชือกออกจากก้อนหินที่ผูกไว้ สิ่งที่จะตามขึ้นไปทำลายรบกวนก็ยาก เพราะธรรมดาขี้ฝุ่นนั้นก็จะกลบได้แต่เพียงแค่ศีรษะคนเท่านั้น ที่มันจะปลิวขึ้นไปกลบถึงยอดภูเขา หรือยอดไม้สูงๆ นั้นย่อมไม่ได้
ฉะนั้น เมื่อจิตของเราสูงขึ้นแล้ว นิวรณ์ทั้งหลายก็ไม่สามารถจะกลบจิตของเราให้เศร้าหมองได้
- ท่านพ่อลี ธํมมธโร -