วันอังคารที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ღ อภัยทานღ



“ อภัยทานัง อามิสทานัง ชินาติ " แปลว่า การให้อภัยทานย่อมชนะเสียซึ่งการให้ทั้งปวง พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า ธรรมทานอีกอย่างหนึ่งที่ถือว่าสำคัญที่สุด และจัดเป็นปรมัตถทาน อันเป็นปัจจัยนำไปสู่พระนิพพานได้นั้นคืออภัยทาน นั่นเอง (ปรมัตถ์ แปลว่า ความหมายสูงสุด, ประโยชน์อย่างยิ่ง)


การที่เราสามารถสร้างอภัยทานให้เกิดมีขึ้นในตัวได้นั้น ถือเป็นการชำระจิตใจของเราได้เป็นอย่างดี เพราะในแง่ของการปฏิบัติแล้ว ทำได้ยาก หากไม่เคยฝึกฝนให้เป็นปกติวิสัย ถ้าเราไม่รู้จักให้อภัยแล้วยังเก็บความขุ่นข้องหมองใจนั้นไว้ในหัวใจตลอดเวลา นับได้ว่าเรากำลังสร้างความอาฆาตพยาบาทให้มีขึ้นในใจตน ในพระพุทธศาสนาที่เราได้รับการเรียนรู้มานั้น มนุษย์เราไม่ได้เกิดมาแต่เพียงชาตินี้ชาติเดียว กว่าจะมาเป็นตัวเราอย่างในทุกวันนี้ ต้องผ่านมาแล้วไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ ขณะเดียวกัน เรื่องของกรรมเวรนั้นก็มีจริง เราจึงต้องทำความเข้าใจให้ได้ว่า การที่เราไม่ยอมอภัยให้กับใครก็ตามที่ทำไม่ดีกับเรานั้น หมายความว่าเราจะไม่ยอมสิ้นสุดกรรมเวรกับคนคนนั้นหรือ แต่ถ้าเราสามารถอภัยให้เขาได้ กรรมระหว่างเรากับเขาก็จะสิ้นสุดแต่ในเพียงชาตินี้ภพนี้ ส่วนตัวเขานั้น จะคิดเลิกจองเวรกับเราหรือไม่ อันนั้นเป็นเรื่องของเขา เราไปบังคับเขาไม่ได้



สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ตรัสไว้ว่า “ โกรธแล้วหายโกรธเอง กับโกรธแล้วหายโกรธเพราะให้อภัย ไม่เหมือนกัน โกรธแล้วหายโกรธเองเป็นเรื่องธรรมดา ทุกสิ่งเมื่อเกิดแล้วต้องดับ ไม่เป็นการบริหารจิตแต่อย่างใด แต่โกรธแล้วหายโกรธเพราะคิดให้อภัย เป็นการบริหารจิตโดยตรง จะเป็นการยกระดับของจิตให้สูงขึ้น ดีขึ้น มีค่าขึ้น “

คัดย่อ: bloggang > พรหมญาณี > อภัยทาน


ที่มา : http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=prommayanee&month=08-2010&date=11&group=3&gblog=44

เครดิตภาพ : Google

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น