วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2554

_ღ_มนุษย์กับธรรมชาติ_ღ_



ธรรมชาติสอนเราอยู่ตลอดเวลา…เรามักพูดประโยคทำนองนี้กันเสมอๆ
เวลาใบไม้ปลิดปลิวร่วงหล่น…เราก็บอกว่า "อนิจจังนะ"
มันไม่เที่ยง…
ใบไม้เกิดขึ้น…สดใส…เติบโต…เขียวชอุ่ม
ไหวไปตามแรงลม…แห้งเหี่ยวโรยรา…แล้วก็ปลิดปลิวลงสู่ดิน
ชีวิตผู้คน…ที่จริงก็ปลิดปลิวตลอดเวลา
เหมือนใบไม้…ดอกไม้…ผลไม้…ต้นไม้
ชีวิตหนึ่งเกิดขึ้น…ชีวิตหนึ่งร่วงหล่น หมดเวลาลง
ชีวิตก็ปลิดปลิวเฉกเช่นใบไม้
กาลเวลาไม่เคยให้บัตรคิวกับสรรพสัตว์
ไม่เคยบอกว่า วันนั้น เวลานี้
ชีวิตใดจะปลิดปลิวร่วงหล่น
มนุษย์มักมองสิ่งรอบตัวทั้งหลาย
ต้นไม้ ภูเขา ก้อนหิน ดิน ลำธาร ต้นหญ้า
ว่าเป็นธรรมชาติ
ที่จริง…มนุษย์มักลืมไปหรือเปล่า
ว่าตัวเอง…ก็เป็นส่วนหนึ่งในธรรมชาติเหมือนกัน
เป็นเพียงอีกส่วนเสี้ยวอันเล็กน้อยของธรรมชาติ…ก็เท่านั้น
ฉะนั้น…
นอกจากจะได้คิดได้สติ
ถึงความไม่เที่ยงของสิ่งทั้งหลาย ชีวิตทั้งหลาย
ด้วยการมองดอกไม้ใบหญ้าร่วงหล่นแล้ว
ยังมีอีกวิธีและเป็นวิธีสำคัญที่สุดด้วย
เป็นวิธีที่เราไม่ต้องไปหาดูที่ไหนอื่นไกลออกไปจากตัวเราเลย
เพราะมนุษย์เอง
ก็คือธรรมชาติอันหนึ่ง
กายใจมนุษย์แต่ละเราท่าน
ล้วนดำเนินไปตามสัจธรรมแห่งธรรมชาติทั้งปวง
อยู่ทุกขณะจิตอยู่แล้ว
มนุษย์ก็เหมือนกับต้นไม้
เหมือนกับปลา กบ เขียด สิงโต ช้าง หยดน้ำ หนอง บึง
เกิดขึ้นมาแล้วก็เติบโตมีพัฒนาการไปตามธรรมชาติ
หิวโหยก็หากินไปตามธรรมชาติ
ท้องหิว กายก็ออกแสวงหาอาหารมาบำรุงกาย ตามธรรมชาติ
พยายามปรับตัว…วิวัฒนาการเพื่อให้เข้าได้อยู่ทนกับธรรมชาติ
ป่วยไข้…ร่วงโรย…ตามธรรมชาติ
และวันหนึ่งที่ไม่รู้ล่วงหน้า
วินาทีใดก็ตามที่ไม่เคยรู้ก่อน
ก็ปลิดปลิวไปตามธรรมชาติ
ธรรมชาติล้วนๆ
เกิดขึ้น - ตั้งอยู่ - ดับไป
ใบไม้ - นกกา - สัตว์ทั้งหลาย - คน - สรรพสิ่ง - จักรวาล ฯลฯ
เมื่อบัตรคิวไม่มีเลย
คิวป่วย…ก็ไม่บอกล่วงหน้า
คิวทุกข์…ก็ไม่เคยแจ้งล่วงหน้า
คิวแห่งมรณะกาล…ก็ไม่เคยติดประกาศ
ให้ได้รู้ตัวล่วงหน้า…เช่นกัน
ด้วยเหตุนี้…
หากมนุษย์ทั้งหลายพึงระลึกอยู่เนืองๆ
ว่าตัวเองก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
ว่าตัวเองก็เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง
เหมือนๆ กับธรรมชาติอื่นๆ ทั้งหลาย
แล้วกลับมามองดูตัวเอง
พินิจพิจารณา
สังเกตความเป็นไปในกลไกของธรรมชาติ
ที่มีพร้อมมูลแล้วในตัว
นั่นคือ…กายกับใจ…ของตนๆ
'ธรรมชาติ' ทั้งหลายทั้งปวง
ก็จะค่อยๆ คลี่แผ่…แสดงความเป็นจริงทั้งปวง
ตามความเป็นจริง
ออกมาให้ปรากฏแก่บุคคลนั้น
มนุษย์คนใดก็ตาม
หมั่นเพียรเพ่งเฝ้ามอง
พินิจพิจารณาการดำเนินไป
แห่งกายและใจตน
ในฐานะที่เป็นธรรมชาติชนิดหนึ่ง
ดูเพื่อให้ได้รู้จัก 'ตัวตนที่แท้จริง'
ของกายและใจตน…
มนุษย์ผู้นั้น
ก็นับได้ว่า
"ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท"
ด้วยการ
"ยังความเพียร" ในการมีสติสัมปชัญญะ
ให้รู้ตัวทั่วพร้อมอยู่เนืองๆ
ใครทำได้เช่นนี้
บุคคลนั้น
ย่อมหวั่นไหวน้อยนิด
หรือไม่หวั่นไหวเลย
ต่อความเจ็บไข้ได้ป่วย
ต่อทุกข์ทางกายก็ตาม ทุกข์ทางใจก็ตาม…
ทั้งย่อมหวาดหวั่นน้อยหรือไม่หวาดหวั่นใดๆ
ต่อเวลาที่จะปลิดปลิว…อันไม่รู้ล่วงหน้า
เพราะว่าได้ฝึกกายฝึกใจไว้
จนมีสติที่เฉียบคม
เป็นสติที่ฉับไว
พร้อมจะรับ
กับการเกิดขึ้น - ตั้งอยู่ - ดับไป
พร้อมจะรับ
สุขทุกข์ทั้งปวง
เย็นร้อนอ่อนแข็งทั้งปวง
อย่างรู้เท่าทัน
อยู่เนืองๆ แล้ว
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
เจริญในธรรม :)
ที่มา : http://board.dserver.org/e/easydharma/00000016.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น