วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ღ เหตุใดกิเลสจึงละยากนัก ღ





การละกิเลสยากมาก เพราะเหตุใดหรือแม้พิจารณาให้ดีย่อมได้รับความเข้าใจพอสมควรว่าการละกิเลสยากมาก เพราะพากันไปมุ่งละกิเลสผู้อื่น ไม่มุ่งละกิเลสตนเอง กิเลสจึงท่วมบ้านท่วมเมืองอยู่ทุกวันนี้ จนบดบังแสงแห่งพระพุทธศาสนา แสงแห่งพระธรรมคำทรงสอนในสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ามากขึ้นทุกเวลานาที


อย่าไปมุ่งเพ่งเล็งแก้กิเลสของผู้อื่น แม้ปรารถนาเป็นผู้พ้นทุกข์ ทุกข์ที่เกิดจากกิเลสเพราะการเพ่งเล็งแก้กิเลสผู้อื่นนั้น นอกจากจะไม่ทำให้กิเลสของตนเบาบางห่างไกลออกไป ยังจะเพิ่มกิเลสของตนให้มากขึ้น

กิเลสของใครคนใด ใครคนนั้นต้องแก้ ไม่ใช่คนอื่นจะไปแก้ให้ได้ สมเด็จพระบรมครูยังทรงมีพระพุทธดำรัสไว้ว่าทรงเป็นผู้ชี้ทางให้ ผู้ปรารถนาแห่งจุดหมายปลายทางต้องปฏิบัติดำเนินไปด้วยตัวเอง

มิได้มีพระพุทธดำรัสไว้ว่า ต้องพากันช่วยพระพุทธองค์ชี้คนอื่นให้เดิน โดยตนเองยังไม่ได้เดินทางสายนั้นจนบรรลุจุดหมายปลายทางแล้ว ผลสำเร็จจะเกิดไม่ได้

ดังนั้นแม้คิดจะไปเพ่งโทษคนอื่น คือคิดไปแก้กิเลสของคนอื่นนั้นเอง ก็พึงมีสติรู้ให้เร็วที่สุดว่ากำลังทำไม่ถูก ที่ถูกคือต้องแก้กิเลสของตนเอง กิเลสของตนเองของทุกคนที่ทุกคนควรแก้ของตนเอง ไม่ใช่ไปมุ่งแก้ของคนอื่น คนนั้นก็ไม่ดีอย่างนั้น ไม่ดีอย่างนี้ ผิดอย่างนั้น ผิดอย่างนี้ เช่นนี้ไม่มีทางที่ตนจะถึงความสุขได้

: แสงส่องใจ เมษายน ๒๕๔๘

: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก



ที่มา : http://www.sangthamsongjai.net/?p=16

เครดิตภาพ : Google





ღ พระพุทธพจน์ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ღ



หลวงปู่ว่า ตราบใดที่ยังเป็นปุถุชนอยู่ ตราบนั้นย่อมมีทิฏฐิ และเมื่อมีทิฏฐิแล้วยากที่จะเห็นตรงกัน เมื่อเห็นไม่ตรงกัน ก็เป็นเหตุให้ โต้เถียงวิวาทกันอยู่ร่ำไป สำหรับพระอริยเจ้าผู้เข้าถึงธรรมแล้ว ก็ไม่มี อะไรสำหรับมาโต้แย้งกับใคร ใครมีทิฏฐิอย่างไร ก็ปล่อยเป็นเรื่อง ของเขาไป ดังพุทธพจน์ตอนหนึ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า



“ภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดอันบัณฑิตทั้งหลายในโลกกล่าวว่ามีอยู่ แม้เราตถาคตก็กล่าวว่าสิ่งนั้นมีอยู่ สิ่งใดอันบัณฑิตทั้งหลายในโลก กล่าวว่าไม่มี แม้เราตถาคตก็กล่าวสิ่งนั้นว่าไม่มี ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่วิวาทโต้เถียงกับโลก แต่โลกย่อมวิวาทโต้เถียงกับเรา”



ที่มา : http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/lp_doon/lp-doon_3_04.htm

เครดิตภาพ : Google